วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สนธิสัญญาปารีส

สนธิสัญญาปารีส อาจหมายถึง ความตกลงหลายฉบับที่เจรจาและลงนามกันในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 
ความตกลงปารีส (อังกฤษParis Agreement) เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ความตกลงดังกล่าวเจรจากันในช่วงการประชุมภาคีสมาชิกของยูเอ็นเอฟซีซีซีครั้งที่ 21 
ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้รับความเห็นชอบในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 
โลร็อง ฟาบีอุส ประธานที่ประชุมและรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าวว่าแผนการอัน "ทะเยอทะยานและสมดุล" 
นี้คือ "จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์" 
ในความพยายามลดภาวะโลกร้อน

เป้าหมาย ตามที่ระบุไว้ในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น อาจมีการตกลงรับตราสารทางกฎหมายหลายฉบับเพื่อให้เป้าหมายของอนุสัญญาบรรลุผลก็ได้ ฉะนั้น จึงมีการตกลงเกี่ยวกับมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกตามความในพิธีสารเกียวโตใน พ.ศ. 2540 เพื่อดำเนินงานในช่วง พ.ศ. 2540 ถึง 2551 ต่อมา มีการตรา "ข้อแก้ไขเพิ่มเติมโดฮา" (Doha Amendment) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพิธีสารดังกล่าวให้ขยายการดำเนินงานออกไปจนถึง พ.ศ. 2563

ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในกรุงปารีส เห็นชอบร่างข้อตกลงลดโลกร้อนฉบับสมบูรณ์แล้ว ลดการใช้ถ่านหิน-น้ำมันดิบ-ก๊าซให้หันมาใช้พลังงานจากแสงแดดและพลังงานลมทดแทน มอบเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์ให้ประเทศยากจนช่วยทำให้โลกเป็นสีเขียวขึ้น

เมื่อวันที่ 12 ันวาคม 2558 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ ซีโอพี 21 (COP21) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงว่าด้วยการลดก๊าซเรือนกระจกฉบับสมบูรณ์แล้ว หลังการประชุมต่อเนื่องมานานถึง 2 สัปดาห์

ที่ประชุมบรรลุร่างข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ที่เรียกว่า สนธิสัญญาปารีส เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม ก่อนที่ผู้แทนส่วนใหญ่จาก 196 ประเทศในที่ประชุมจะลงมติเห็นชอบในช่วงบ่าย ข้อตกลงปารีส ตั้งเป้าหมายจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกเฉลี่ยไม่ให้เกิน องศาเซลเซียสจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและจะจำกัดไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสหากเป็นไปได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gases) ให้ได้ภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้และจะมีการทบทวนความคืบหน้าทุกๆ 5 ปี

ความพยายามขององค์การสหประชาชาติที่จะลดภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงของอากาศมีมาตั้งแต่ปี 1992  จนกระทั่งปี 1997 มีการลงนามร่วมกันในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจำจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นผิวของบรรยากาศ โดยเรียกว่าสนธิสัญญาขั้นต้นเกียวโต (the Kyoto Protocol) แต่หลายประเทศไม่เห็นด้วย

ในปี 2009 มีการประชุมที่กรุงโคเปนเฮเกน ผลสรุปก็คือเกิดความโกลาหลและความผิดหวังของฝ่ายต่างๆที่มาร่วมประชุม
จนกระทั่งการประชุมที่กรุงปารีสในปี 2015 สามารถบรรลุข้อตกลงได้แต่ก็ไม่ได้มีมาตรการบังคับ
สรุปจากสนธิสัญญา
1.จำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกเฉลี่ยไม่ให้เกิน องศาเซลเซียสจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและจะจำกัดไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสหากเป็นไปได้
2.ลดก๊าซเรือนกระจกทันทีทันใดเท่าที่จะทำได้  
3.จำกัดการใช้ถ่านหิน,น้ำมันดิบและก๊าซเป็นพลังงาน
4.น้ำมันจากถ่านหิน (Fossil fuels)จะต้องใช้ทดแทนโดยพลังงานจากแสงแดดและพลังงานจากลม  
5.ประเทศที่กำลังพัฒนาจะได้รับเงินช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 100,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น